http://www.ohayothai.cjb.net

CHATROOM

logotop.gif (6542 bytes)


สมาคมนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่น

กลับไปหน้าเลือกภาษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นสรุปข่าวญี่ปุ่นในแต่ล่ะเดือนแนะนำดารา-นักร้องเรียนภาษาญี่ปุ่น ฝึกสนทนาแนะนำแนวทางการไปศึกษาต่อ ณ ประเทศญี่ปุ่นเทคนิคดีๆกับการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันขำขันเล็กๆน้อยๆ อะไรก็ได้ หน้านี้อ่านเล่นๆผ่อนคลายกับเกมส์เบาสมองรวมโปรแกรมดีๆ ล่าสุดมาให้ D/L กันกระดาน ถาม-ตอบ คุณถามมา ผมตอบให้

Dictionary Japanese-Thai


flag.gif (8145 bytes) การไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น flag.gif (8145 bytes)


สารบัญ

  1. การเตรียมตัวเพื่อที่จะไปศึกษาในญี่ปุ่นควรเริ่มจากอะไรก่อน?
  2. มีเงื่อนไขในการเลือกสถาบันการศึกษาอย่างไร?
  3. เข้าสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นก่อนสอบเข้ามหาลัยมีหลักการอย่างไร?
  4. สถาบันการศึกษาภาษาญี่ปุ่นมีแบบใดบ้างและจำนวนเท่าใด?
  5. หลักฐานและสิ่งจำเป็นในการแสดงเพื่อเข้าเรียนในสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่น
  6. คุณสมบัติของนักศึกษาต่างชาติที่จะเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง
  7. ต้องเตรียมเอกสารใดบ้าง ? และจะยื่นใบสมัครเมื่อไร?
  8. ขั้นตอนการเข้าประเทศญี่ปุ่นต้องเตรียมอะไรบ้าง? การขอวีซ่า

การเตรียมตัวเพื่อที่จะไปศึกษาในญี่ปุ่นควรเริ่มจากอะไรก่อน?

          นักศึกษาต่างชาติที่ไปศึกษาในญี่ปุ่น    มีมูลเหตุจูงใจที่แตกต่างกันอีกทั้งวิธีศึกษา ระยะเวลา
สถาบันก็แตกต่างกันด้วยแต่สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือ   ความสามารถทางการศึกษาของท่านปัจจัย
ทางเศรษฐกิจและอาชีพการงานหรือทิศทางในอนาคตของท่าน

  1. ระดับ : โดยนำเอาภูมิหลังทางการศึกษามาใช้พิจารณาว่าระดับใดเหมาะสมที่ท่านจะเข้าศึกษา
    (โรงเรียนอาชีวศึกษา วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือ บัณฑิตวิทยาลัย)
  2. สาขา : กำหนดสาขาวิชาที่จะศึกษาให้แน่นอนและชัดเจน
  3. ปริญญา :ต้องการได้รับปริญญาหรือไม่
  4. เวลาและระยะเวลา : จะเริ่มศึกษาในญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อใดและจะอยู่ญี่ปุ่นเป็นระยะเวลานาน
    เท่าใด
  5. สถานภาพการไปศึกษาต่อ : กำหนดสถานภาพว่าจะไปศึกษาในลักษณะใด

เรียนเฉพาะภาษา
     ศึกษาต่อโดยมีวัตถุประสงค์ต้องการเรียนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นหรือหลักสูตร
พิเศษในมหาวิทยลัยเอกชน
ศึกษาต่อด้วยทุนการศึกษา
     ศึกษาต่อโดยทุนการศึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่น (กระทรวงศึกษาธิการ)
ทุนส่วนตัว
      ศึกษาต่อโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่วยในการศึกษาเองทั้งหมด
ศึกษาต่อในระยะสั้น
      ศึกษาต่อโดยโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่และมหาวิทยาลัย
ที่กำลังศึกษาอยู่และมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น

-Top-


มีเงื่อนไขในการเลือกสถาบันการศึกษาอย่างไร?

          หลังจากได้รายชื่อโรงเรียน สถาบัน ระเบียบการต่างๆ แล้ว นักศึกษาควรเลือกสถาบันการ
ศึกษา ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้ โดยคำนึงถึง วัตถุประสงค์และความสามารถของตัวเอง   แต่ละคน
อาจจัดลำดับ ก่อนหลังของเงื่อนไขต่อไปนี้ไว้แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความต้องการในการเรียน
งบประมาณ ผลการเรียน   ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น   ทุนการศึกษา แต่ถ้าได้พิจารณาอย่าง
ถี่ถ้วนถึงแต่ละเงื่อนไข โดยคำนึงถึงแผนชีวิตในอนาคตด้วยแล้วก็จะสามารถเลือกสถาบันการศึกษา
ที่เหมาะสมได้โดยไม่ยาก ท่านควรสมัครสอบคัดเลือกหลายๆ แห่งเพื่อให้สามารถเข้าเรียนในสาขา
ที่ต้องการได้หากพลาดจากสถาบันใดสถาบันหนึ่ง

  1. เนื้อหาของหลักสูตร
  2. อุปกรณ์ เครื่องมือ สถานที่สำหรับการทำวิจัย
  3. ทุนการศึกษา
  4. ค่าใช้จ่าในการศึกษาและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ
  5. ที่พักอาศัย
  6. การสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษา
  7. โปรแกรมภาษาญี่ปุ่น
  8. โปรแกรมพิเศษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ
  9. สถานที่ตั้ง

          ถึงแม้ว่านักศึกษาต่างชาติต่างก็มุ่งที่จะเรียนในโตเกียวก็ตาม   แต่ในพื้นที่อื่นๆ ของญี่ปุ่น
ก็มีข้อได้เปรียบหลายอย่างทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า จำนวนนักศึกษาต่อห้องที่น้อยกว่า รวมทั้ง
การได้ใกล้ชิดกับสังคมท้องถิ่นก็มีมากกว่า ฉะนั้นไม่ควรพิจารณาโรงเรียนเฉพาะในโตเกียวเท่านั้น
ขอให้พิจารณาให้ทั่วประเทศ

-Top-


เข้าสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นก่อนสอบเข้ามหาลัยมีหลักการอย่างไร?

          แม้ว่าจะมีสถาบันการศึกษาบางแห่งสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษแต่ส่วนใหญ่สถาบันการศึกษา
ในญี่ปุ่นจะสอนโดยใช้ภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด   ดังนั้นนักศึกษาที่มีความประสงค์ที่จะศึกษาในสถาบันการ
ศึกษาระดับสูงในญี่ปุ่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นอย่างเพียงพอ   ด้วยเหตุ
นี้นักศึกษาต่างชาติส่วนมากจะศึกษาภาษาญี่ปุ่นก่อนอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 2 ปี ก่อนสอบเข้าศึกษาต่อ
ในสถาบันการศึกษาระดับสูง

-Top-


สถาบันการศึกษาภาษาญี่ปุ่นมีแบบใดบ้างและจำนวนเท่าใด?

            จากการสำรวจของกรมวัฒนธรรมลงวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ปรากฎว่าในญี่ปุ่น
มีสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นอยู่ 1,658 แห่ง ซึ่งในขณะนี้ ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2000 กว่าแห่ง เป็นสถาบัน
สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีความประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย   สถาบันสำหรับผู้ฝึกงาน
ทางเทคนิคชาวต่างชาติ   สถาบันสำหรับลูกหลานของชาวต่างชาติทั้วไปที่พำนักในญี่ปุ่น

            ในจำนวนสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นสำหรับผู้ที่มีความประสงค์เข้าศึกษาต่อในมหาลัยนั้น   มีหลัก
สูตรที่มหาวิทยาลัยเอกชนจัดขึ้น   39  แห่ง    และสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นที่สมาคมส่งเสริมการศึกษา
ภาษาที่สมาคมส่งเสริมการศึกษาภาษาญี่ปุ่นรับรอง   256 แห่ง

            การจัดหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยเอกชนของญี่ปุ่นนั้น  
เป็นหลักสูตรปกติที่กำหนดไว้ในกฎหมาย   ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในระบบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
เป็นหลักสูตรสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการศึกษาภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นหรือวิชาพื้นฐานสำหรับ
นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการศึกษาภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นหรือวิขาพื้นฐานสำหรับเตรียมสอบคัดเลือก
เข้าศึกษาระดับปริญญาตรี   และถ้าหลักสูตรของมหาวิทยาลัยใดมีระบบรับรองนักศึกษาให้เข้าศึกษา
ในมหาวิทยาลัยนั้น   นักศึกษา ก็สามารถใช้บริการได้ หรือจะเลือกสอบเข้าเรียนในสถาบันอื่นได้เปรียบ
ในเรื่องที่พักอาศัย งานพิเศษ ตลอดจนสวัสดิการต่างๆ  เช่น   ความช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล  
เนื่องจากสถาบันในระดับนี้มีน้อยจำนวนนักศึกษาที่รับได้จึงมีจำนวนจำกัด

-Top-

หลักฐานและสิ่งจำเป็นในการแสดงเพื่อเข้าเรียนในสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่น

                 การเข้าศึกษาในสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นนั้น   ท่านจะต้องสำเร็จการศึกษา   โดยมีระยะเวลา
เรียนในประเทศของท่านมาแล้ว  12   ปี สถาบันส่วนมากคัดเลือกนักศึกษาจากเอกสาร   โดยเอกสาร
หลักที่จะต้องส่งไปยังสถาบันมีดังนี้

  1. ใบสมัคร
  2. ใบแสดงผลการเรียน (Transcript)
  3. ประกาศนียบัตร
  4. ใบรับรอง
  5. จดหมายค้ำประกัน
  6. เอกสารแสดงสถานภาพทางการเงิน
  7. ใบรับรองแพทย์
  8. ค่าสมัคร (10,000 - 30,000 เยนเงินไทยก็ประมาณ 3,500 - 10,500 บาท คิดอัตราเงินที่ 100เยน 35บาท)

                 รายละเอียดต่างๆ   จะแตกต่างกันไปตามสถาบัน   ขอให้นักศึกษาติดต่อกับสถาบันนั้นๆ
โดยตรง    เมื่อส่งเอกสารดังกล่าวข้างต้นแล้ว   โรงเรียนจะแจ้งผลการคัดเลือกไปยังผู้สมัครและเป็น
ตัวแทนในการดำเนินการขอวีซ่าให้

ช่วงเวลาสมัครคือ
         โดยทั่วไป   หลักสูตร 1 หรือ 2 ปี   จะเปิดเรียนเดือนเมษายน   หลักสูตรปีครึ่งจะเปิดเรียนเดือน
ตุลาคม    กำหนดการรับสมัครจะแตกต่างไปตามแต่ละโรงเรียน
แต่ควรสมัครก่อนที่โรงเรียนจะเปิด
ภาค 4-6 เดือน
โดยผู้ที่ต้องการไปเรียนเดือนตุลาคม   ความสมัครตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายนและ
เมื่อรวมเวลาที่ใช้ในการส่งจดหมายไปขอสมัคร   การเตรียมเอกสารของตนเองและผู้ค้ำประกันที่ต้อง
ส่งแล้ว   ควรเริ่มเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนไปศึกษาต่ออย่างน้อย   6-8 เดือน

-Top-

คุณสมบัติของนักศึกษาต่างชาติที่จะเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง?

มหาวิทยาลัย / วิทยาลัย

        นักศึกษาที่ต้องการเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต้องมีอายุตั้งแต่
18  ปีขึ้นไป   สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนของประเทศตนเองเป็น
ระยะเวลา 12 ปี แต่ในบางประเทศที่หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายเรียนนจบใน 10
ดหรือ 11 ปีนั้น    นักเรียนที่ผ่านหลักสูตรภาษาญี่ปุ่น 1 ปี จากโรงเรียนภาษาญี่ปุ่นของ
สถาบันนานาชาติคันไซเท่านั้น    จึงจะได้รับการรับรองว่ามีคุณสมบัติเทียบเท่าผู้จบ
การศึกษาในโรงเรียนที่มีระยะเวลาเรียน 12 ปีมาแล้ว

        นอกจากนี้  มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งในญี่ปุ่นที่รับนักศึกษาต่างชาติที่มีอายุ 18 ปี
หรือมากกว่า  ผู้ซึ่งส่งหลักฐานแสดงว่าผ่านหรือคาดว่าจะผ่านการสอบวัดระดับความ
สามารถในประเทศบ้านเกิดที่เที่ยบเท่าการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาบัยในญี่ปุ่น   เช่น
การสอบคัดเลือกเข้าวิทยาลัยในประเทศเกาหลี   เป็นต้น

บัณฑิตวิทยาลัย

          นักศึกษาที่ต้องการเข้าศึกษาในระดับปริญญาโทของบัณฑิตวิทยาลัย ต้องสำเร็จ
การศึกษาหลักสูตร  16 ปี   โดยจบการศึกษาจากโรงเรียน 12 ปี และมหาวิทยาลัยที่มี
หลักสูตร  4 ปี หรือผู้ที่ได้รับการพิจารณายอมรับว่ามีความสามารถทางวิชาการในระดับ
เดียวกันหรือสูงกว่า
          หลักสูตรปริญญาเอก ผู้ที่มีสิทธิ์ในการเข้าศึกษาในระดับปริญญาเอก   ต้องมีวุฒิ
ปริญญาโทหรือผู้ที่ได้รับการพิจารณายอมรับว่ามีความสามารถทางวิชาการในระดับ
เดียวกันหรือสูงกว่า
          นักศึกษาวิจัย   คุณสมบัติของผู้สมัครจะแตกต่างกันซึ่อาจสำเร็จการศึกษาจาก
โรงเรียนมา  14 ปี สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหรือการศึกษาระดับปริญญาโท
หรือปริญญาเอก
          นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจากประเทศที่สามารถเรียนสำเร็จ
ระดับมหาวิทยาลัยภายในระยะเวลาน้อยกว่า   16 ปี (หรือปริญญาทางแพทย์และ
ทันตแพทย์ภายในระยะเวลาน้อยกว่า   18 ปี จะสามารถเข้าศึกษาได้เมื่อมีอายุ 22 ปี
ภายหลังสำเร็จการศึกษาและได้ลงทะเบียนเป็นนักศึกษาวิจัย นักวิจัย หรืออื่นๆ ใน
ลักษณะเดียวกันเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมตามปกติ 1 ปี หรือมากกว่า) ในมหาวิทยาลัย
สถาบันที่เป็นการร่วมมือของมหาวิทยาลัยหรือสถาบันในลักษณะเดียวกันในญี่ปุ่นหรือ
ต่างประเทศ

วิทยาลัยอาชีวศึกษา หลักสูตรวิชาชีพชั้นสูง

           ด้วยข้อยกเว้นของโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น   ผู้สมัครเข้าเรียนในสถาบันการ
ศึกษาประเภทนี้ต้องมาีสถานภาพต่อไปนี้

  1. ต้องผ่านการเรียนในโรงเรียนมา 12 ปี และจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา   แต่
    ในบางประเทศที่ระบบการศึกษาจนจบหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายมีเพียง
    10 หรือ 11 ปีนั้น   นักเรียนที่ผ่านหลักสูตรภาษาญีปุ่น 1ปี  จากโรงเรียนถภาษา
    ญี่ปุ่นของสถาบันนักศึกษานานาชาติหรือของสถาบันนักศึกษานานาชาติคันไซ
    เท่านั้นจึงจะได้รับรองว่ามีคุณสมบัติเทียบเท่าผู้จบการศึกษาจากโรงเรียนที่มีระยะ
    เวลาเรียน  12 ปีมาแล้ว
  2. จะต้องมีความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นอย่างเพียงพอในการศึกษาในวิทยาลัยอาชีว
    ศึกษานี้   หนึ่งในสามข้อต่อไปนี้เป็นเงื่อนไขในการตัดสินความสามารถทางภาษา
    ญี่ปุ่น

(1) นักศึกษาที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนในสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่น
ที่สมาคมส่งเสริมการศึกษาภาษาญี่ปุ่นรับรองและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
เซ็นอนุญาต

(2) นักศึกษาที่ผ่านการทดสอบความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นระดับ 1 หรือ ระดับ 2 ของ
AIEJ และมูลนิธิญี่ปุ่น

(3)  นักศึกษาที่ได้ผ่านการศึกษาในโรงเรียนมัธยมต้นหรือมัธยมปลายในญี่ปุ่นอย่างน้อย
1 ปี

วิทยาลัยเทคนิค

       ผู้สมัครเข้าสถาบันการศึกษาประเภทนี้จะต้องสำเร็จการศึกษาในโรงเรียนมา
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 ปี ในประเทศของตนเองในปัจจุบันนี้มีวิทยาลัยเทคนิค
ประเภทนี้ไม่มากนักที่รับนักศึกษา ต่างชาติทุนส่วนตัวเข้าเรียน

-Top-

ต้องเตรียมเอกสารใดบ้าง ? และจะยื่นใบสมัครเมื่อไร?

        โดยทั่วไปสถาบันการศึกษาระดับสูงในญี่ปุ่นจะประกาศรับสมัครนักศึกษาในช่วง
เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมของทุกปีนักศึกษาต่างชาติจึงควรติดต่อโดยตรงกับทางสถาบัน
การศึกษา
       สถาบันการศึกษาแต่ละแห่งต่างก็มีวิธีการในการสมัครเป็นของตนเองฉะนั้น
สิ่งแรกที่จะต้องทำคือสอบถามไปยังสถาบันที่เราต้องการเข้าศึกษาเกี่ยวกับระเบียบการ
ในการรับสมัครอย่างไรก็ตามโดยทั่ว ๆ ไปแล้วเอกสารที่จำเป็นมีดังนี้

ระดับปริญญาตรี   วิทยาลัย

  • ใบสมัคร (ให้ใช้ใบสมัครที่มหาวิทยาลัยกำหนด)
  • ประวัติของนักศึกษา
  • ประกาศนียบัตรการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
  • ใบแสดงผลการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
  • ใบรับรองจากอาจารย์ใหญ่หรือครูในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่ท่านเรียน
  • ใบรับรองแพทย์
  • ใบรับรองจากผู้ค้ำประกัน
  • สำเนาบัตรประจำตัวคนต่างด้าว   ถ้าผู้สมัครเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น
  • รูปถ่าย

ระดับบัณฑิตวิทยาลัย

  • ใบสมัคร (ให้ใช้ใบสมัครที่กำหนดไว้เท่านั้น)
  • ใบรับรองประวัติส่วนตัวจากมหาวิทยาลัยที่สำเร็จการศึกษา
  • ใบประกาศนียบัตรหรือใบปริญญา
  • ใบรับรองปริญญา
  • ใบแสดงผลการศึกษาจากโรงเรียนหรือมหาลัยที่เรียนครั้งสุดท้าย
  • ใบรับรองแพทย์
  • ใบรับรองจากคณบดี หัวหน้าภาควิชา หรืออาจารย์ชของมหาวิทยาลัยที่สำเร็จการศึกษา
  • ปริญญานิพนธ์และสรุปจากมหาวิทยาลัยที่สำเร็จการศึกษา
  • ใบรับรองการลงทะเบียนคนต่างด้าวหากผู้สมัครอาศัยอยู่ในญีปุ่น
  • ใบรับรองการอนุญาตให้เข้าสอบคัดเลือก (หากู้สมัครศึกษาอยู่ในบัณฑิตวิทยาลัยอื่นหรือ
    กำลังทำงานอยู่)
  • รูปถ่าย

วิทยาลัยอาชีวศึกษาและวิทยาลัยเทคนิค

  • ใบสมัคร (กรอกใบสมัครของทางโรงเรียนให้สมบูรณ์)
  • ใบประกาศนียบัตรหรือใบรับรอง (จากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย มหาวิทยาลัยหรือ
    โรงเรียนอื่นๆ )
  • ใบแสดงผลการศึกษา (จากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนอื่นๆ)
  • ใบรับรองจากผู้ค้ำประกัน
  • ใบรับรองแพทย์ (จากแพทย์หรือที่ทำการอนามัย)
  • รูปถ่าย

* 1.ใบรับรองการเข้าเรียน   / ใบรับรองคะแนนจากโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น (โรงเรียนที่ผ่าน
การรับรองแล้ว)

* 2.ใบรับรองรอผลการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น (จากโรงเรียนที่ผ่าน
การรับรองแล้ว)

         นักศึกษาที่ยื่นใบสมัครจากต่างประเทศจะต้องส่งใบรับรองการผ่านการทดสอบความรู้ทาง
ภาษาญี่ปุ่นในระดับ 2 หรือสูงกว่าแทน *1 หรือ*2

-Top-

ขั้นตอนการเข้าประเทศญี่ปุ่นต้องเตรียมอะไรบ้าง? การขอวีซ่า

วิธีการในการเข้าประเทศญี่ปุ่นสำหรับนักศึกษาต่างชาติ

     ชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าไปศึกษาในประเทศญี่ปุ่นจะต้องปฎิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. ขอรับหนังสืออนุญาตให้เข้าศึกษาจากสถาบันการศึกษาที่เลือก
2. ขอหนังสือเดินทาง พาสปอร์ต
3. ขอรับรองการตรวจลงตราวีซ่า

การขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่นมีวิธีการขอรับการตรวจลงตราวีซ่า 2 วิธีคือ

1. การขอโดยการพิจารณาล่วงหน้า

         คนต่างชาติสามารถขอวีซ่าได้ด้วยตนเอง ณ สถานฑูต หรือสถานกงสุลญี่ปุ่นในต่าง
ประเทศและขั้นตอนค่อนข้างเสียเวลานานเพราะจะรวมถึงการส่งเอกสารไปมาจากญี่ปุ่น
รวมทั้งระหว่าสถาบันในประเทศญี่ปุ่นด้วย

2. การขอโดยใช้หนังสือแสดงสถานภาพการอยู่อาศัยในญี่ปุ่น

         หลังจากนักศึกษาหรือผู้ค้ำประกันได้รับหนังสือรับรองแสดงสถานภาพการอาศัย
ในญี่ปุ่นแล้วนักศึกษาสามารถที่จะขอวีซ่าได้ที่สถานฑูตหรือสถานกงสุลญี่ปุ่นในต่างประเทศ
วิธีนี้ค่อนข้างง่ายและรวดเร็ว

การเข้าประเทศญี่ปุ่นเพื่อสอบคัดเลือกมีขั้นตอนดังนี้

         ในกรณีของการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นเพื่อสอบคัดเลือกนั้น ตามปกติแล้วนักศึกษาจะ
ได้รับวีซ่าการอยู่อาศัยระยะสั้นเพื่อสอบคัดเลือก   ในการยื่นขอวีซ่าประเภทการอยู่อาศัยระยะสั้น
เพื่อการสอบนี้นักศึกษาจะต้องแสดงหลักฐาน เช่น บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบของสถาบันที่เข้าสอบ
การเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นด้วยวีซ่าประเภทนี้มีระยะเวลาพำนักประมาณ 15 หรือ 90 วันขณะที่
อยู่ในญี่ปุ่น   ถ้าผลสอบประกาศออกมาว่าสอบผ่านก็สามารถดำเนินเรื่องการเปลี่ยนสถานภาพการ
อยู่อาศัยได้เลยโดยไม่ต้องกลับประเทศ
          แต่ทว่า   ถ้าเป็นวีซ่าประเภทการอยู่อาศัยระยะสั้นเพื่อวัตถประสงค์อื่นที่ไม่ใช้การสอบนั้น เช่น
เพื่อท่องเที่ยว หลังจากผลสอบประกาศออกมาว่าสอบผ่านตามหลักการจะไม่สามารถเปลี่ยนสถาน
ภาพการอยู่อาศัยเป็น "นักศึกษาวิทยาลัย" ได้ขณะที่ยังพำนักอยู่ในญี่ปุ่น   จึงจำเป็นต้องออกนอก
ประเทศก่อน   ในกรณีนี้ให้ขอใบอนุญาตให้เข้าเรียนจากสถาบันการศึกษาที่สอบผ่าน แล้วนำ
หลักฐานไปยื่นขอสถานภาพการอยู่อาศัยที่กองตรวจคนเข้าเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ถ้ายังไม่ทราบ
ผลการสอบขณะยังอยู่ในญี่ปุ่นก็ให้ตัวแทนดำเนินการแทนได้   หลังจากนั้นก็นำหนังสือรับรองที่ออก
จากกองตรวจคนเข้าเมืองเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่นแล้วนำไปยื่นขอวีซ่าประเภท "นักศึกษามหา
วิทยาลัย" ที่สถานฑูตญีปุ่น

วิธีการขอวีซ่าทำอย่างไร?

            การขอวีซ่านั้นอาจทำได้   2  วิธี    การขอโดยใช้ใบรับรองแสดงสถานภาพการอยู่อาศัยในญี่ปุ่น
และการขอโดยการยื่นให้พิจารณาก่อน   ในกรณีแรกนั้นขั้นตอนต่างๆ   สามารถกระทำโดยนักศึกษาเอง
หรือโดยผู้ค้ำประกัน

เอกสารสำคัญสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการไปเรียนต่อประเทศญี่ปุ่นมีดั้งนี้

เอกสารที่จำเป็นสำหรับการขอสถานภาพการอยู่อาศัยสำหรับ
"นักศึกษาวิทยาลัย"

เอกสารที่จำเป็นสำหรับการขอสถานภาพ การอยู่อาศัยสำหรับ
"นักศึกษาก่อนวิทยาลัย"

  • ใบขอหนังสือรับรองสถานภาพการอยู่อาศัย
  • รูปถ่ายของนักศึกษา   2  รูป (3x4cm)
  • พาสปอร์ตหรือสำเนาใบรัรองการท่องเที่ยว
  • สำเนาเอกสารรับรองการเข้าศึกษาจากสถาบันการศึกษา
  • ประวัติส่วนบุคคลของนักศึกษา
  • ประกาศียบัตรการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนหรือสถาบัน
    สุดท้ายที่ศึกษา
  • เอกสารแสดงสถานภาพทางการเงินที่แสดงให้เห็นว่านักศึกษามี
    ค่าใช้จ่ายเพียงพอในการอยู่อาศัยญี่ปุ่น
  • ใบประกาศนียบัตรการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนญี่ปุ่น

  • เอกสารแสดงเนื้อหาของการศึกษาที่นักศึกษาต้องการ   รวมทั้ง
    วิชาและจำนวนชั่วโมง

  • จดหมายที่เขียนโดยนักศึกษา อธิบายถึงงานที่คาดหวังไว้หลังจาก
    สำเร็จการศึกษา

  • เอกสารที่จำเป็นอื่นๆ

  • ซองเปล่าติดแสตมป์ 430 เยน จ่าหน้าถึงตัวนักศึกษาเองเพื่อ
    การส่งเอกสารต่างๆ ให้นักศึกษา

  • ใบขอหนังสือรับรองสถานภาพการอยู่อาศัย
  • รูปถ่ายของนักศึกษา   2  รูป (3x4cm)
  • พาสปอร์ตหรือสำเนาใบรัรองการท่องเที่ยว
  • สำเนาเอกสารรับรองการเข้าศึกษาจากสถาบันการศึกษา
  • ประวัติส่วนบุคคลของนักศึกษา
  • ประกาศียบัตรการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนหรือสถาบัน
    สุดท้ายที่ศึกษา
  • เอกสารแสดงสถานภาพทางการเงินที่แสดงให้เห็นว่านักศึกษามี
    ค่าใช้จ่ายเพียงพอในการอยู่อาศัยญี่ปุ่น
  • จดหมายที่เขียนโดยนักศึกษา อธิบายถึงงานที่คาดหวังไว้หลังจาก
    สำเร็จการศึกษา

  • เอกสารที่จำเป็นอื่นๆ

  • ซองเปล่าติดแสตมป์ 430 เยน จ่าหน้าถึงตัวนักศึกษาเองเพื่อ
    การส่งเอกสารต่างๆ ให้นักศึกษา

* เอกสารที่จำเป็นสำหรับการขอสถานภาพการอยู่อาศัยสำหรับ "นักศึกษาวิทยาลัย" และ "นักศึกษาก่อนวิทยาลัย" อาจเปลี่ยนแปลงได้
นักศึกษาสามารถยื่นขอใบรับรองสถานภาพการอยู่อาศัยได้ด้วยตนเอง แต่ทว่ากว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะออกใบรับรอง
สถานภาพการอยู่อาศัยให้นั้นอาจต้องใช้เวลานาน   ดังนั้นส่วนใหญ่จึงให้ตัวแทนเป็นผู้ยื่นให้


INSIDE OHAYOTHAILAND


logotip.gif (5278 bytes)
Home

ติดต่อ-สอบถาม Webmaster
Copyright (c) 2000 OhayoThailand All Rights Reserved.